5.2.1. การตรวจสอบคาร์บอนและการการกำหนดราคาพลังงาน
ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาได้พิจารณาข้อแนะนำเกี่ยวกับมาตรการการตลาดในการตอบสนองการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแผนการซื้อขายมลษระหว่าง
31 ประเทศในทวีปยุโรปและนิวซีแลนด์และใน 10 รัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังพิจารณาที่จะใช้มาตราการนี้ในประเทศอื่นๆรวมทั้งจีน
เกาหลีใต้ และในหลายๆรัฐของประเทศแคนาดาการเก็บภาษีก๊าซคาร์บอนที่อยู่ในสหราชอาณาจักร,
เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์,
สวีเดน, เนเธอร์แลนด์และแคนาดาและอยู่ภายใต้การอภิปรายหรือเสนอที่อื่น
ๆ รวมทั้งในสหภาพยุโรป, ญี่ปุ่นและแอฟริกาใต้
อินเดียได้ดำเนินการเก็บภาษีถ่านหินเพื่อเปป็นกองทุนในงานวิจัยและพัมนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
แอฟริกาใต้เปิดอภิปรายการเก็บภาษีคาร์บอนในเดือรธันวาคม 2010 ในจีนการเก็บภาษีมลพิษขึ้นอยู่กับมูลค่าของถ่านหิน น้ำมันและก๊าซที่ได้จากการสกัดในมณฑลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
(ซินเจียงอุยกูร์เขตปกครองตนเอง)และวางแผนที่จะขยายไปยังทุกๆมณฑลทางฝั่งตะวันตก
5.2.2. การดำเนินการตามนโยบายของก๊าซเรือนกระจก
ก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นจากการให้บริการทางด้านพลังงานเป็นสาเหตุที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
IPCC สรุปรายงานการประเมิน
ส่วนใหญ่เกิดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกตั้งแต่กลางศตวรรษที่
20เนื่องจากการเพิ่มระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก
ความเข้นข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอย่างต่อเนื่องในสิ้นปี 2010 มีในปริมาณ 390 ppm หรือ 32% สูงกว่าในยุคก่อนอุตสาหกรรม
อินเดียให้ความสนใจกับนโยบายหน้าที่ของอินเดียในการลดการใช้พลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณการใช้น้ำมันการจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวโดยตรงหรือโดยรัฐบาล
รวมถึง :
(ก) ความสำคัญในการอนุรักษ์พลังงานทดแทน
(ข) การส่งเสริมแหล่งพลังงานหมุนเวียน
(ค) การลดมลพิษทางอากาศ
(ง) การปลูกป่าและการพัฒนาความสูญเปล่า
(จ)
การปฏิรูปทางเศรษฐกิจการกำจัดเงินอุดหนุนและกิจการร่วมค้าในสินค้าทุน
(ฉ) นโยบายการทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการประหยัดพลังงานที่มนุษย์นำมาใช้เห็นได้ชัดว่าอาจจะไม่เป็นผลในรัฐที่มีกิจการถ้าอินเดียมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาของมนุษย์
ในการขจัดความยากจนออกไปและควบคุมการปล่อยคาร์บอน
ในการขจัดความยากจนอาจจะทำให้การใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและอาจจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่มากขึ้น
ดังนั้นคนอินเดียจึงต้องมีความคิดริเริ่มในการลดการปล่อนก๊าซคาร์บอนและนโยบายก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการยอมรับและบังคับใช้ในศาสนา
5.2.3. การดำเนินงานของแหล่งพลังงานหมุนเวียน
แหล่งพลังงานหมุนเวียน มีบทบาทสำคัญ ในการให้บริการ
พลังงานและ การรักษาความปลอดภัย อย่างยั่งยืนและ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการบรรเทา
การเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และในงานวิจัยต่างๆที่เกิดขึ้นใน ด้านการ ทดแทน
แหล่ง พลังงานและ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ บรรเทาสาธารณภัยสำรวจการมีส่วนร่วม
ในปัจจุบันและศักยภาพ ของ พลังงานทดแทน ( RE )เพื่อให้ บริการด้านพลังงานสำหรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
ผลงาน การวิจัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ความพร้อมของทรัพยากร และเทคโนโลยี RE , ค่าใช้จ่ายและ ผลประโยชน์ร่วม อุปสรรค ความต้องการของ การปรับ ขึ้น
และบูรณาการ สถานการณ์ ในอนาคตและ ทางเลือกเชิงนโยบาย ส่วนแบ่ง RE ของการใช้พลังงาน ทั่วโลก ยังคง มีขนาดค่อนข้างเล็ก , การใช้งานของ REมีมากขึ้นในปีที่ผ่านมาประมาณ 300 GW ของ กำลังการผลิต ใหม่ ในการผลิตไฟฟ้า ที่เพิ่มขึ้น ทั่วโลก ในช่วง ระยะเวลาสองปี
2008-2009 ปริมาณ 140 GW มาจาก ภาพ RE รวม ประเทศกำลังพัฒนา 53% ของ การผลิตไฟฟ้า ทั่วโลก REในปี 2009คว่มจุภายใต้เงื่อนไขที่มากที่สุดการเพิ่มส่วนแบ่ง ของ RE ใน พลังงานผสมจะต้องมี นโยบาย ที่จะ กระตุ้นให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงใน
ระบบพลังงาน
6. ข้อสรุป
การใช้งานอย่างรวดเร็วของก๊าซไฮโดรคาร์บอนเป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าวอื่นๆทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกที่ไม่พึงประสงค์ในรูปแบบสภาพอาการและภูมิทัศน์สามารถลดลงโดยหลายแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดที่คาดการณ์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การแก้ไขที่ได้กล่าวมานี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะต้องมีการดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์
เราจะต้องใช้ยานพาหนะไฟฟ้าและยานพาหนะเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ
ต้องใช้หลอดไฟเรืองแสงแทนการใช้หลอดไฟแบบหลอดไส้เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและต้องระมัดระวังในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และต้องมีการวางแผนที่ดีในการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
เมื่อเทียบกับการเผาไหม้ถ่านหินหรือก๊าซในโรงงานผลิตไฟฟ้าทั่วไปมีวิธีการทางเทคโนโลยีหลายทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซในบ้านทีมีค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทดแทนแหล่งพลังงานและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยแนวคิดใหม่เหล่านี้มีโอกาสที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะลดลงในการขนส่งสินค้าจะต้องเป้นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายโลจิสติกที่จะมุ่งเน้นไปที่การลดการใช้พลังงานและการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานโดยรวม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น